* Remarks:
This article was first posted in Yahoo!360 on November 28th 2007.
Unfortunately, Yahoo!360 is, as you know, already gone...
I modified the codes, added some links and notes, and reposted it at Webs on May 18th 2010.
I put the link at Multiply on the same day (journal/item/395).
Sadly, like Y!360, Multiply is also gone.
Now in Sep 2019, I moved this post to Neocities.org and Google Photos,
as webs dot com and photobucket are giving me more and more difficult time and I had to let them go.
I sincerely hope that I do not to have to e-move again...
Some years ago there was a Thai movie about Phya Naak in Mae Khong River that shot fireballs into the sky in the full moon night of the 11th Lunar Month.
Since ancient time the local people along this quiet town of Pon-pi-sai in Nong-khai prefecture have often witnessed fireballs spurting from the river up into the night sky at this particular time of the year.
(More at Wikipedia : Naga Fireball)
That movie has changed these quiet and rather unknown villages along Mae Khong river into famous tourists' spots.
People from all over Thailand and from overseas would come to the river banks to see the mysterious fireballs.
It has become a national festival. You can imagine how crowded these small villages are during those few days.
Now, in 2010, there comes another movie about Phya Naak.
I am not sure what the title in English is. The introduction was in yesterday's Matichon newspaper.
It was about what really happened in another quiet place called Kham-cha-nod in Udonthani, northern Thailand.
Here is the story:
In January of the Buddhist year of 2532 ( = A.D. 1989) an outdoor movie rental company was asked to show movies in a village in Kham-cha-nod.
The contact person paid 4,000 baht – all in coins – and requested that the movies must end and all the equipments moved out of the site at 4 am and not later.
That night the movies were shown in an open place in that village but there was no audience before 7 pm, which was highly unusal.
At 9 pm the crowd showed up all of a sudden, with women in all-white and men in all-black attires.
They sat very still in two groups: women with women and men with men.
They were quiet all through the movies.
No conversations, no laughters, no getting up or walking around, and there were no food or drink sellers.
At 4 am the audience disappeared altogether so suddenly.
The next day, when asked, the villagers said there were no movies in the village at all that night.
The (owner? and the) people of the movie company thought it odd so they went to check the site.
There they found an isolated island of jungle full of a kind of trees that looked like a combination of palm and coconut.
These were called "Kham-cha-nod" trees.
There were traces of the car tyres that ended at a well in the middle of the island.
Conclusion:
The weird audience was the souls of Phya Naak people, who, like us humans, also needed some sort of entertainment.
The well, located in the middle of the Kham-cha-nod jungle, has always been regarded as the connecting point between human's world and Phya Naak's.
Water in that well is, therefore, regarded as sacred.
People must have thrown in coins after they prayed at the well.
That could have been why the payment of 4000 Baht was in coins.
According to the local people this island is a sanctuary full of harmless souls...
They also say if anyone touches the gong there without striking it and yet echo happens that person is definitely an offspring of the tribe of Phya Naak's.
Wikipedia: Myth of Phya Naak or Naga
I guess the villagers' belief was based on this ancient myth – with some add-ons.
Remarks: This part was added on May 18th 2010.
About Khamchanod trees: its scientific name is Livistona saribus.
According to a comment in the forum at webboard (* the page exists no more in 2019),
This kind of palm trees can be seen in many places all over Thailand - with the largest group in
Khamchanod Temple in Amphur Baandung, Udon Thani Province.
"The locals and the people in Udon Thani province are very proud of this khamchanod forest, and they believe that whoever takes away the seeds to plant elsewhere will eventually return to that temple with the (new) seeds."
"Livistona saribus, commonly known as taraw palm,
is a species of palm tree from Thailand in the Livistona genus.
It produces blue fruits, and is cold hardy to 24 degrees.
Taraw grows to 40 feet (12m) in height and prefers moist soil.
It has spines along the leaf stems which resemble shark teeth."
Images : Khamchanod trees Livistona saribus
* Remarks:
In 2019 I found a few more interesting articles:
ป่าคำชะโนด (Kham-cha-nod Jungle, Udon Thani)
พญานาค (Nagaraja)
Naga People (although not related to the fictitious Naga tribe mentioned above ) looked so similar to some tribes in Taiwan, southern China, and even American Indian.
And from an article introducint Kham-cha-nod at sanook.com :
คำชะโนด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวศักดิ์สิทธ์ [...] สถานที่แห่งนี้ นอกจากเป็นสถานที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านแล้ว
ยังเป็นสถานที่ ที่เต็มไปด้วยการเล่าขานตำนานลี้ลับ [...] เป็นดินแดนของพญานาค ผืนป่าลอยน้ำ [...] เมืองบาดาล
[...] ตำนานผีจ้างหนัง [...] ทำให้หลายๆ คนตั้งเป้าหมายว่า ในชีวิตนี้ ต้องมาเยือนป่าอัศจรรย์ [...] ของจังหวัดอุดรธานี ให้ได้สักครั้งในชีวิต
คำชะโนด ตั้งอยู่ภายในพื้นที่วัดศิริสุทโธคำชะโนด ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
เป็นผืนป่าต้นคำชะโนดขนาดใหญ่อยู่ทั่วบริเวณ แต่ละต้นล้วนมีอายุยาวนาน ซึ่งในประเทศไทยมีต้นคำชะโนดแบบนี้เพียงที่เดียวเท่านั้น
More about Kham-cha-nod from Kapook.com :
เมื่อเดินไปถึงป่าคำชะโนด จะเจอกับ "บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์" หรือ "บ่อคำชะโนด" ที่ตั้งอยู่กลางเกาะ มีลักษณะเป็นน้ำใต้ดินพุ่งไหลอยู่ตลอดเวลา และไม่เคยลดแห้งลงเลย
ระดับน้ำอยู่แค่ไหน ก็จะอยู่ระดับนั้นไม่เปลี่ยน (มีความเชื่อกันว่า เป็นประตูเชื่อมไปสู่เมืองบาดาล ที่อยู่อาศัยของพญาศรีสุทโธนาคราช)
ทั้งยังเป็นจุดที่คนนิยมเข้ามาสรงน้ำรูปปั้นพญานาค และประชาชนส่วนใหญ่ยังตักน้ำใส่ขวด เพื่อเก็บกลับไปสักการะ เพราะเชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
From Thairath (Dec 18, 2016)
“หนองกระแส” หรือ “หนองแส” ในอดีต ดินแดนที่ตั้งอยู่เหนือขึ้นไปในเขตประเทศลาว เล่าลือสืบต่อๆกันมานมนานแล้วว่า ที่นั่นคือดินแดน “เมืองพญานาค”
ว่ากันว่า...ดินแดนส่วนหนึ่งมี “เจ้าพ่อพญาศรีสุทโธ” ปกครองอยู่ ส่วนที่เหลือก็ตกอยู่ในอำนาจครอบครองของ “เจ้าพ่อสุวรรณนาค”
ดินแดนทั้งสองขั้วอำนาจ อยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีอาหารก็แบ่งกัน มีทุกข์ร้อนก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปตามประสา
แต่มีข้อตกลงสำคัญกันว่า “ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดออกไปล่าเนื้อหาอาหาร อีกฝ่ายจะต้องไม่ออกไป เพราะอาจเกิดทะเลาะเบาะแว้งกันได้”
อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดปัญหา เมื่อมีข้อขัดข้องหมองใจ เรื่องการแบ่งสรรปันอาหาร กระทั่งแคลงใจกัน คิดว่าอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ มีนอกมีใน
ไม่ปฏิบัติตามสัญญา แม้ว่าอีกฝ่ายจะชี้แจงแถลงไข แต่ก็ไม่ยอมเชื่อ จนเกิดแตกหัก ทะเลาะกัน ถึงขั้นประกาศสงครามกันในที่สุด
การต่อสู้เอาเป็นเอาตายหวังชนะก็เกิดขึ้น ทำให้พื้นที่เสียหายมหาศาลถึงขั้นที่ว่า...
พื้นโลกสะเทือน เกิดแผ่นดินไหว เทวดาน้อยใหญ่ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนไปทั้ง 3 ภพ
ความล่วงรู้ไปถึงหู “พระอินทร์” จึงลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ตรัสโองการให้นาคทั้งสองฝ่ายหยุดรบ
ตัดสินให้ถือว่าเสมอกันไม่มีใครแพ้ใครชนะ หันมาช่วยกันสร้างแม่น้ำคนละสาย
ใครสร้างถึงทะเลก่อนก็จะให้เอา “ปลาบึก” ไปอยู่ในแม่น้ำสายนั้น และป้องกันไม่ให้ทะเลาะกันอีก จึงเอาเขาดงพญาไฟเป็นเขตกั้น
ห้ามข้ามไปรุกรานกันอีกต่อไป กล่าวกันว่า...แม่น้ำสายหนึ่งมีชื่อเรียกว่า “แม่น้ำโขง” และอีกสายเรียกว่า “แม่น้ำน่าน”
“พญาศรีสุทโธ” สร้างแม่น้ำโขงเสร็จก่อน จึงเหาะไปเฝ้าพระอินทร์ ทูลขอทางขึ้นลง ระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ เอาไว้ 3 แห่ง
ได้แก่ ที่ธาตุหลวงนครเวียงจันทน์ ที่หนองคันแท และที่พรหมประกายโลก หรือคำชะโนด นั่นเอง
“ต้นคำชะโนด” ลักษณะเสมือนเป็นการรวมเอาต้นมะพร้าว ต้นหมาก ต้นตาลมาผสมสายพันธุ์เอาไว้ในสัดส่วนพอๆกันอย่างลงตัว
เรื่องเล่ามากมายเกิดขึ้นที่ “ป่าคำชะโนด” บนเนื้อที่ราว 20 ไร่แห่งนี้ นับจากชาวบ้านม่วง บ้านเมืองไพร บ้านวังทอง อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
ที่เล่าว่าได้มีโอกาสได้พบเห็น ชาวเมืองคำชะโนดทั้งผู้หญิง ผู้ชายที่ไปเที่ยวงานบุญประจำปี หรือ “บุญมหาชาติ”
ผู้หญิงคำชะโนดมายืมเครื่องมือ “ทอหูก” หรือ “ฟืม” ไปทดผ้าอยู่เป็นประจำ
อีกทั้งยังมีตำนานเรื่องเล่า “ผีจ้างหนัง” ที่หลายคนอาจเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง ก็เกิดขึ้นที่ดินแดนป่าคำชะโนดแห่งนี้ด้วยเช่นกัน
“คำชะโนด” เสมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ได้รับการปรับปรุงให้คนนอกเดินทางเข้าไปสักการะได้อย่างสะดวก
จะว่าไปแล้ว ดินแดนแห่งนี้สำหรับผู้มาเยือนครั้งแรกหลายคนอาจให้ความรู้สึกได้ถึงความลี้ลับบางอย่างที่สงบเย็นแบบที่ยากจะอธิบาย
ด้วยบรรยากาศที่ “เงียบ” และ “เย็น” ปกคลุมด้วยต้นไม้สูงใหญ่...ต้นคำชะโนด ประหนึ่งว่าผู้มาเยือนนั้นได้หลุดเข้าไปในโลกแห่งอดีตก็ไม่ปาน
A well-written trip report with photos at Pantip.com made me rethink of taking a trip to Kham-cha-nod :
there always are too many tourists and the place is often overcrowded.
Oh well....
Tripadvisor.com has a good page with more than a hundred photos of Kham-cha-nod.
After reading all these, I now am sure for Kham-cha-nod, Armchair Tour will be the most suitable for me.